วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

จัสติน บีเบอร์ หนุ่มน้อยมหัศจรรย์ที่โด่งดังไปทั่วโลก


กลายเป็นหนุ่มน้อยมหัศจรรย์ที่โด่งดังไปทั่วโลกไปซะแล้ว สำหรับ จัสติน บีเบอร์ (Justin Bieber) ที่เคยสร้างปรากฏการณ์เล็กพริกขี้หนู ปล่อยเพลง One Time และ One Less Lonely Girl ให้ดังตู้มต้ามติดชาร์ตเพลงสากลไปทั่วโลกเมื่อปลายปีก่อน และตอนนี้เค้ากลับมาอีกครั้งแล้วค่ะ กับอัลบั้มใหม่ My World 2.0 ที่เปิดตัวด้วยซิงเกิลใหม่อย่างเพลง Baby ที่ตอนนี้ก็เริ่มจะกลายเป็นเพลงคุ้นหู ที่เปิดบ่อยในคลื่นเพลงสากลกันไปแล้ว และแน่นอน ผลงานคุณภาพของเขายังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ถ้าใครบอกว่าไม่เคยฟังเพลงของ justin bieber หรือบอกว่าไม่รู้จักหนุ่มน้อยมหัศจรรย์คนนี้เลยนี่ รีบไปหาเพลงของเค้ามาฟังด่วน เพราะถ้าไม่เคยฟังเลยจะถือว่าเชยมาก ๆ เลยนะคะนี่  แต่เอาเป็นว่าวันนี้เราจะขอพาไปทำความรู้จักกับ justin bieber ประวัติของหนุ่มคนนี้กันหน่อยแล้วกัน ดังตั้งแต่ยังเด็กแถมเพลงของเขายังมาแรงแซงทางโค้งแบบนี้ ไม่รู้จักเห็นทีจะไม่ได้แล้วล่ะ


ประวัติส่วนตัว

 

จัสติน บีเบอร์ เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1994 ณ สแตรทฟอร์ด รัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดาแม่ของเขา แพดตี้ แมลลิที้ ( Pattie Mallette) อายุ 18 ปีตอนที่เธอได้มีลูกชายแมลลิที้ได้ทำงานด้านสำนักงานโดยมีเงินเดือนต่ำ โดยเธอเลี้ยงดูบีเบอร์โดยตัวคนเดียว ยังไงก็ตาม บีเบอร์ก็ยังติดต่อกับพ่อของเขา เจเรมี บีเบอร์ (Jeremy Bieber) และเมื่อเขาโตขึ้น บีเบอร์ได้เริ่มเรียนเปียโน, กลองชุด, กีตาร์, และทรัมเป็ต ด้วยตัวเอง จนกระทั่งปี ศ.ศ. 2007 ตอนที่เขาอายุ 12 ปี บีเบอร์ได้ร้องเพลงของ Ne-Yo ชื่อเพลง "So Sick" ในการแข่งขันร้องเพลงที่สแตรทฟอร์ด และเขาได้ที่สอง แมลลิที้ได้โพสวีดีโอขึ้นเว็บไซต์ยูทูบเพื่อให้ครอบครัวและเพื่อนๆของเขาได้ชม และเธอก็เริ่มโพสวีดีโอที่เขาได้ร้องเพลงอื่นๆ จนกระทั่งเขาเริ่มมีชื่อเสียงจากเว็บไซต์นี้ และกลายเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องอินเทอร์เน็ต จนสุดท้ายผลงานของ justin bieber ได้ไปเตะตา Scooter Braun ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเจบีในปัจจุบัน ในตอนนั้น Braun ได้ส่งผลงานให้ Usher โปรดิวเซอร์ระดับเซียน และนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของความโด่งดังของหนุ่มเจบีคนนี้


       

จัสติน บีเบอร์ มีผลงานเพลงชุดแรกออกมาให้ฟังเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2009 (พ.ศ.2552) ในอัมบั้มที่ชื่อว่า "One Time" โดยเพลงนี้มี Usher มาร่วมร้องด้วย ถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาด เพราะไม่มีใครเคยคิดว่า หนุ่มน้อยคนนี้จะสร้างปรากฏการณ์เขย่าวงการเพลงด้วยการส่งเพลง "One Time" ให้ฮิตติดชาร์ตเพลงสากลไปทั่วโลก ก่อนจะปล่อยเพลง "One Less Lonely Girl", "Love Me", และ "Favorite Girl" ให้ติดชาร์ตตามกันมาติด ๆ และแน่นอนว่า เป็นหนุ่มอายุน้อยแต่มากความสามารถแบบนี้ ก็เลยกวาดคะแนนความฮอตจากคนฟังไปได้อย่างง่ายดาย ถือเป็นนักร้องหน้าใหม่ที่มาแรงที่สุดคนหนึ่งแห่งปี จนนิตยสารระดับโลกอย่าง Billboard, People, US Weekly และ Entertainment Weekly ต้องนำเรื่องราวของ justin bieber ประวัติของเขาไปตีพิมพ์ เรียกว่าไม่ใช่ธรรมดา ๆ เลยนะเนี่ย


    

จัสติน บีเบอร์ ได้ร้องเพลงของ สตีวี วันเดอร์ ( Stevie Wonder) "Someday at Christmas" สำหรับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บารัก โอบามา และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งสหรัฐอเมริกา มิเชลล์ โอบามา ที่ทำเนียบขาวสำหรับวันคริสต์มาสในวอชิงตัน ดี.ซี. และออกอากาศในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2009 บนสถานีโทรทัศน์ช่อง TNT ของสหรัฐอเมริกา และยังร้องเพลงในงาน Dick Clark's New Year's Rockin' Eve ร่วมกับไรอัน ซีเครสต์ ในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2009 บีเบอร์ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ในงาน the 52nd Grammy Awards ในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2010 ได้รับเชิญในการบันทึกเสียงเพลง วีอาร์เดอะเวิลด์ 25 ฟอร์ เฮติ (We Are The World for its 25th anniversary to benefit Haiti) เนื่องจากในเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติ บีเบอร์ได้ร้องในช่วงท่อนเปิดเพลง เช่นเดียวกับไลโอเนล ริชชี ในเวอร์ชันต้นตำหรับ และในวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 2010 ก็ยังได้ไปร้องในเวอร์ชันของ K'naan's "Wavin' Flag" บันทึกเสียงโดยกลุ่มศิลปินวัยรุ่นชาวแคนาดา สำหรับเฮติ โดยบีเบอร์ได้ร้องในช่วงท่อนปิดเพลง


         

เพลงซิงเกิ้ล "Baby" โดยร่วมกับลูดาคริส ได้เปิดตัวในเดือนมกราคม ค.ศ. 2010 และได้ฮิตมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ได้ติดชาร์ต 1 ใน 5 ของสหรัฐอเมริกา และติด 1 ใน 10 อันดับของ 7 ประเทศทั่วโลก และอีกสองซิงเกิ้ล "Never Let You Go" และ "U Smile" ได้ไต่อันดับฮิต 30 อันดับในสหรัฐของฮอต 100 และ 20 อันดับฮิตของแคนาดา และมันได้ขึ้นมาอันดับ 1 ของบิลบอร์ด 200 ของสหรัฐอเมริกา ทำให้บีเบอร์เป็นคนที่ติดอันดับ 1 ที่อายุน้อยที่สุดเช่นเดียวกับสตีวี วันเดอร์ในปี ค.ศ. 1963 นอกจากนั้นอัลบั้มมายเวิลด์ 2.0 ( My World 2.0) ยังเปิดตัวขึ้นอันดับ 1 ในอัลบั้มชาร์ตของแคนาดา ไอริช ออสเตรเรีย และนิวซีแลนด์ และไต่ขึ้น 1 ใน 10 อันดับของ 15 ประเทศทั่วโลก และเพื่อการประชาสัมพันธ์อัลบั้ม บีเบอร์ยังได้ไปร่วมออกงาน The 2010 Kids Choice Awards, Nightline, The Late Show กับ เดวิด เลตเทอร์แมน, The Dome and 106 and Park วันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2010 ได้เป็นนักร้องรับเชิญในแซตเทอร์เดย์ไนต์ไลฟ์ และวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 ได้แสดงในงาน The Macy's Fourth of July Fireworks Spectacular ในนครนิวยอร์ก และซิงเกิ้ลที่สองของมายเวิลด์ 2.0 "Somebody to Love" ได้เปิดตัวในเดือนเมษายน ค.ศ. 2010 แต่กลับล้มเหลวในชาร์ตต่างๆ แต่ต่อมาก็ได้มีการเปิดตัวรีมิกซ์ใหม่โดยร่วมกับอัชเชอร์ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2010 และได้ติดอันดับ 15 บนบิลบอร์ดฮอต 100
  ค.ศ. 2010–ปัจจุบัน: คอนเสิร์ตมายเวิลด์ ทัวร์ ผลงานในอัลบั้มที่สอง และอัลบั้มมายเวิลด์ อคูสติก


My World Tour

วันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2010 บีเบอร์ได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกของเขา โดยเริ่มที่ ฮาร์ตฟอร์ด คอนเนตทิคัต สำหรับการประชาสัมพันธ์อีพีมายเวิลด์ และอัลบั้มมายเวิลด์ 2.0  ทัวร์ครั้งนี้ถูกเรียกว่า "มายเวิลด์ ทัวร์" ( My World Tour) โดยจะตระเวนแสดงสดไปทั่วอเมริกาและแคนาดาในปี 2010-2011 และในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2010 มีการรายงานว่าบีเบอร์เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ถูกค้นหาในอินเตอร์มากที่สุด เช่นเดียวกับมิวสิกวีดีโอของเพลง "เบบี้" ( Baby) ซึ่งแซงเพลงของ เลดี้ กาก้า "แบดโรมานส์" จนเป็นวีดีโอที่มีคนชมมากที่สุดของเว็บไซต์ยูทูบเท่าที่เคยมีมา


จัสติน บีเบอร์ ในงาน Annual Critics Choice Movie 2011

       

ตรงจุดนี้ โทนเสียงของบีเบอร์เริ่มต่ำลงเนื่องจากเสียงเริ่มแตกจากการเข้าวัยหนุ่มสาว ก่อนหน้านั้นในเดือนเมษายน ค.ศ. 2010 เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า "มันเริ่มแย่ เหมือนกับวัยรุ่นหนุ่มทุกๆคน ผมกำลังทำงานกับมัน และผมก็มีโค้ชทางด้านเสียงร้องที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก   ในบางงานผมร้องเพลง "เบบี้" แต่ตอนนี้ผมทำไม่ได้แล้ว พวกเราต้องลดคีย์ของเพลงลงเวลาผมต้องร้องเพลงนี้สด" นักร้อง/นักแต่งเพลงของอังกฤษ ไทโอ ครูซ ( Taio Cruz) ยืนยันว่าในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2010 นั้นเขาได้เขียนเพลงให้กับบีเบอร์สำหรับอัลบั้มถัดไป  และผู้สร้างงานฮิปฮอป ดร. เดร ( Dr. Dre) ได้ร่วมทำเพลงกับบีเบอร์ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2010  แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดใดๆเกี่ยวกับอัลบั้มนี้ และคาดว่าจะเปิดตัวอัลบั้มนี้ในปี ค.ศ. 2011

นอกจากนั้นเขายังได้เป็นนักแสดงรับเชิญของสถานีโทรทัศน์ช่อง CBS ในซีรี่ยดัง ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน ซึ่งจะถูกนำออกอากาศในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2010 โดยการรายงานของ รอยเตอร์ส ได้บอกว่า เขาจะเล่นเป็น "เด็กที่เครียดเกี่ยวกับการตัดสินใจของพี่ชาย" ( troubled teen who is faced with a difficult decision regarding his only brother.) โดยบีเบอร์จะแสดงในตอนอื่นๆด้วยโดยบทของเขาจะเชื่อมต่อกัน

บีเบอร์ยังได้มีภาพยนตร์ 3 มิติ "Never Say Never" โดยเกี่ยวกับตัวเขาเอง กำกับโดย Jon Chu ผู้กำกับจาก Step Up 3D จะออกฉายครั้งแรกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011  และในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2010 เขาได้ออกอัลบั้ม ชื่อว่า มายเวิลด์ อคูสติก ( My Worlds Acoustic)  โดยได้ออกจำหน่ายในวัน Black Friday ในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นเพลงเก่าในรูปแบบอคูสติก เพลงซิงเกิ้ล และเพลงซิงเกิ้ลใหม่ "Pray"

ผลงานอัลบั้ม
ขอบคุณข้อมูลจาก http://women.kapook.com/view11966.html
 และ http://th.wikipedia.org

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...